11 กรกฎาคม, 2551

เสียงปลุก....

"เสียงปลุก ให้ลุกขึ้นทำความเพียร" ถอดข้อความ จากเทปเสียงบรรยายธรรม และถ่ายภาพประกอบเพิ่มเติม : ชีวิตทุกชีวิตเริ่มต้นและลงท้าย เหมือน ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของเศรษฐีหรือยาจก ของมหาราชาหรือของคนต่ำต้อย คือเริ่มต้นและลงท้ายก็ด้วยเสียงคร่ำครวญ และเมื่อลืมตาขึ้นดูโลกเป็นครั้งแรกมนุษย์ก็ร้องให้ และเมื่อจะหลับตาลาโลกเค้าก็ร้องให้อีก หรืออย่างน้อยก็เป็นสาเหตุให้คนอื่นร้องให้ เด็กร้องให้พร้อมด้วยกำมือแน่นเป็นสัญลักษณ์ว่า เค้าเกิดมาเพื่อจะหน่วงเหนี่ยวยึดถือ แต่เมื่อจะหลับตาลาโลกนั้น ทุกคนแบมือออกเหมือนเตือนให้ผู้อยู่เบื้องหลังสำนึกและเป็นพยานว่า เค้ามิได้เอาอะไรไปได้เลย

เหตุการณ์ในชีวิตเป็นครูที่ดีที่สุดเท่าที่มนุษย์จะหาได้ เป็นบทเรียนที่มนุษย์ต้องจดจำโดยไม่ต้องท่องเลยแม้แต่น้อย บทเรียนจากตำราเป็นเรื่องที่จะต้องท่องจำจึงจะจำได้ และเมื่อจำได้แล้วเราก็ต้องพยายามทบทวนเพื่อไม่ให้ลืม แต่บทเรียนจากชีวิตเป็นเรื่องที่เราจำได้โดยไม่ต้องท่อง และพยายามจะให้ลืมเสีย แต่ก็น้อยนักที่เราลืมได้ นี่คือลักษณาการแห่งบทเรียน จากชีวิตคำสั่งสอนของท่านผู้ใหญ่ส่วนมาก หรือแทบทั้งหมดทีเดียว ได้มาจากบทเรียนแห่งชีวิตทั้งสิ้น จึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่าต่อชีวิตอย่างหาประมาณมิได้ ชีวิตคละเคล้าไปด้วยความสมหวัง และผิดหวัง ความสุข ความทุข์ รอยยิ้มและคราบน้ำตา ความชื่นสุข ความเจ็บช้ำ สิ่งเหล่านี้ทำให้ชีวิตเป็นชีวิตที่สมบูรณ์ ทุกครั้งที่เราผิดหวังเราจะเข้าใจชีวิตและโลกดีขึ้น ความผิดหวังที่รุนแรงแม้จะทำให้เราชอกช้ำแต่ก็มีส่วนช่วย ให้เราเข้าใจชีวิต เข้าใจความรู้สึกอันลึกล้ำของผู้อื่น มิฉะนั้นแล้ว บางทีเราอาจจะถูกหลอกอยู่ร่ำไป ความผิดหวัง หากเราไม่ยอมคุกเข่าให้แก่มันมากเกินไป บางที และมักจะเป็นเช่นนั้นเสมอ คือช่วยเสริมสร้างให้เรามีหัวใจอันแข็งแกร่งที่จะต่อสู้กับอุปสรรค์และความผิดหวังที่จะมีมาอีกข้างหน้า

เหล็กที่ผ่านไฟแล้ว เป็นเหล็กกล้า แข็งกว่าและคมกว่าเหล็กธรรมดา
น้ำที่ผ่านน้ำแข็งแล้ว จะเป็นน้ำเย็น.....
ชีวิตที่ผ่านอุปสรรคและความผิดหวังมามาก ทำให้เจ้าของชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดหวัง
และเป็นความกล้าที่สงบเยือกเย็น.........

มองในแง่ของปรัชญาที่ละเอียดอ่อน ชีวิตคล้ายความฝัน จะต่างกันก็แต่เพียง เป็นความฝันในระยะยาวเท่านั้น มองในมุมกลับ ความฝันก็คือ ชีวิตจริงในระยะสั้น บุคคลผู้ขึ้นถึงความจริงข้อนี้แล้ว ย่อมคลายความยึดมั่นถือมั่นลงได้บ้าง ก็จะมีอะไรหรือ ที่เราควรยึดมั่นถือมั่นในเมื่อความหวัง ต่าง ๆ ของมนุษย์เรา เป็นเสมือนภาพที่ลอยมาในอากาศ เมื่อภาพนั้นยังไม่ถึงมือเรา จะแน่ใจได้อย่างไรว่า จะเป็นของเรา เมื่อถึงมือเราแล้ว เราก็นึกว่า ความหวังอันเป็นเสมือนความฝันอันเลือนลางนั้น เป็นความจริงขึ้นแล้ว แต่อะไรเล่าคือความจริง สิ่งที่เราพากันยึดมั่นว่าเป็นในความจริงในวันนี้ จะยังคงเป็นความจริงตลอดไปหรือ ในเมื่อโลกนี้เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงดวงใจของพวกเรายังแน่นอัดไปด้วยความลังเลสงสัย และความไม่รู้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นภายหน้า สิ่งที่จะให้ความสุขความเพลินใจแก่เราในวันนี้ เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า จะไม่ให้ความทุกข์แก่เราในวันหน้า ในทำนองเดียวกันสิ่งที่ทำให้เราทนทุกข์ทรมานในวันนี้อาจจะให้ความชื่นสุขแก่เราในวันหน้าก็ได้ พระพุทธเจ้าตรัสว่า.....

สิ่งที่ไม่น่ายินดีมักมาในรูปรอยแห่งสิ่งที่น่ายินดี ...
สิ่งที่ไม่น่ารัก มักมาในรูปรอยแห่งสิ่งที่น่ารัก.....
ความทุกข์มักมาในรูปรอยแห่งความสุข.....

เพราะเหตุนี้คนจึงมัวเมาลุ่มหลงกันนัก มนุษย์เราเกิดมาในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน ทั้งสภาวะ แห่งการเกิดและสาเหตุที่ทำให้เกิดดังนั้น มนุษย์จะแตกต่างกันบ้างในเรื่องปลีกย่อยอื่น ๆ แต่สิ่งที่ร่ำรวยอยู่โดยทั่วกันทุกคนก็คือความทุกข์ บุคคลจะขาดแคลนสิ่งใดบ้างก็ตาม แต่เค้าไม่เคยขาดความทุกข์เลยมันต่างกันเพียงแต่เพียงปริมาณและรูปลักษณะแห่งความทุกข์เท่านั้น ลักษณะเช่นนี้เอง บุคคลผู้มีสติปัญญาจึงไม่ควรตีโพยตีพาย ในเมื่อประสบกับความขมขื่น ในบางครั้งบางคราวเพราะสิ่งที่ทำให้ขมขื่นในวันนี้ อาจกลายเป็นสิ่งที่มีอุปการะอย่างมากในวันหน้า ทำนองเดียวกันไม่ควรหลงระเริงใ นความสำเร็จบางอย่างจนเกินไปเพราะสิ่งนั้นอาจชักนำไปสู่ความยุ่งยากในภายหน้าได้เหมือนกัน ปฏิบัติได้ตามนี้แล้วย่อมเป็นผู้ที่คงที่ไม่หวั่นไหว หรือมีความหวั่นไหวน้อยที่สุด นี่แหละคือวิถีนำไปสู่ความสงบ

โลกนี้เปรียบเสมือนสนามกีฬาใหญ่ ซึ่งชีวิตแต่ละชีวิตเป็นนักกีฬาโดยกำเหนิด ทุกคนต้องต่อสู้ ต้องดิ้นรน ต่อสู้กับภัยธรรมชาติ ต่อสู้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ ชีวิตนี้เป็นที่รัก ดังนั้นทุกคนจึงกระเสือกกระสนดิ้นรน เพื่อให้ชีวิตนี้ ยังคงอยู่ และให้ชีวิตนี้ได้รับความสะดวกสบาย แม้คนที่ฆ่าตัวตาย ก็เพราะว่ารักชีวิตนั่นเอง เค้าไม่อาจทนดูความทุกข์ทรมาน แห่งชีวิต ซึ่งเค้ายึดถือเป็นเจ้าของ เค้าต้องการให้ชีวิตที่เค้ารัก มีความสุขยิ่งเท่านั้น แต่เค้าไม่อาจที่จะทำได้ตามต้องการ เหมือนบุคคลจำเป็นต้องตัดอวัยวะบางส่วนทิ้ง เพราะว่ามีโรคร้ายเกิดขึ้นจนไม่อาจที่จะเยียวยารักษาได้ จะว่าบุคคลผู้นั้นไม่รักอวัยวะอย่างนั้นหรือ เมื่อเวลาทุกข์ก็ปล่อยให้มันทุกข์ไป แต่เวลาสุขสบาย สนุกสนาน เราก็ควรทำตัวให้สนุกสนานบ้าง ถ้าฝนตกอยู่ทั้งวัน และทุก ๆ วัน โลกนี้ก็คงจะเจิ่งนองไปด้วยน้ำ ถ้าแดดออกทั้งวันและทุก ๆ วัน โลกนี้ก็จะแห้งเกรียมจนมนุษย์เราอยู่ไม่ได้ นี่เพราะฝนตกบ้างแดดออกบ้าง เราจึงอยู่ได้อย่างทุกวันนี้ อีกอย่างหนึ่งเมื่ออากาศอบอ้าว ร้อนจัด แสดงว่าในอีกไม่ช้าฝนก็จะตก เมื่อฝนตกเสียห่าใหญ่แล้ว อากาศก็จะปลอดโปร่งแจ่มใส น่าอภิรมณ์ชมชื่น ชีวิต เป็นแบบเดียวกันนี้.....

บทเรียนเรื่องศิลปะในการจูงใจผู้อื่น ให้มีความคิดเห็นคล้อยตาม ความคิดเห็นของเราต้องทำอย่างนุ่มนวล และเป็นไปพร้อมด้วยความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มิใช่ทำด้วยความอวดเก่งและประนามแนวคิดของผู้อื่น ว่าเป็นความคิดที่ผิด หรือชั่วร้ายใช้ไม่ได้ คนเราทุกคนล้วนมีทิฐิมานะด้วยกันคนละมาก ๆ ทั้งสิ้น เค้าจะดื้อรั้นยิ่งขึ้น ถ้าเราขาดความเห็นอกเห็นใจและประนามว่าความคิดเห็นของเค้าผิด และเราแสดงความเกรี้ยวกราด พยายามพิสูจน์ให้เห็นความผิดความบกพร่องของเค้า เมื่อมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เราไม่สามารถที่จะเอาชนะผู้อื่นได้ด้วยวิธีขัดแย้งอย่างรุนแรง และดูถูกเหตุผลของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้เพราะคนที่จำใจต้องเชื่อในสิ่งที่เค้าไม่เชื่อนั้น ความคิดเห็นของเค้าจะไม่เปลี่ยนแปลงเลย ถ้าเราโต้แย้งอย่างรุนแรงพูดให้อีกฝ่ายหนึ่งเจ็บใจ และเถียงอย่างไม่ลดลาวาศอก เราอาจจะประสบชัยชนะในบางครั้ง แต่มันเป็นชัยชนะที่ว่างเปล่า ทั้งนี้เพราะด้วยวิธีการอันนี้ เราจะไม่สามารถได้รับไมตรีจิตจากอีกฝ่ายหนึ่งได้เลย ความไม่เข้าใจต่อกันจะไม่สามารถระงับได้ด้วยการโต้แย้งที่ขาดความละมุนละไม แต่จะระงับลงด้วยการรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว ความสุขุมรอบคอบ ความประณีประนอม ความเห็นอกเห็นใจ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เรามองเห็นแง่คิดของอีกฝ่ายหนึ่ง การกระทำและความคิดเห็นของมนุษย์เรา อาจจะผิดได้เสมอในการกระทำและการตัดสินใจร้อยครั้ง ถ้าสามารถถูกได้ถึง 55 ครั้ง ก็นับว่าดีแล้ว เราเองยังไม่สามารถทำอะไรถูกทั้งหมดได้เลย แล้วทำไม เราจะด่วนตัดสินความคิดเห็น และสติปัญญาของผู้อื่นว่าผิด และไม่เหมาะสมไปเสียหมดเล่า การประนามอย่างรุนแรงว่าผู้อื่นผิดนั้น เป็นการทำลายความภูมิใจของเค้า ความเคารพในตนเองของเค้า ผลก็คือทำให้ผู้นั้นต้องการตอบโต้และขัดขืน วิชาจิตวิทยาได้ให้แง่คิดแก่เราไว้ว่า สำหรับมนุษย์นั้น เราจะต้องสอนเค้าเหมือนไม่ได้สอน นั่นคือสอนเค้าอย่างมีชั้นเชิง สิ่งใดที่เค้าไม่รู้จงสอนแก่เค้า เหมือนหนึ่งว่าเค้าได้ลืมไป ที่เราต้องทำเช่นนั้น ก็เพราะว่า เรารู้หลักความจริงอยู่อย่างหนึ่งว่า มีมนุษย์อยู่ไม่กี่คนในพื้นภิพบนี้ ที่เป็นผู้เพรียบพร้อมไปด้วยเหตุผล พวกเราส่วนมากต่างเป็นสัตว์โลกที่ยังมีอคติ คือมีความลำเอียงโดยเฉพาะอย่างยิ่งลำเอียงเข้าข้างต้นเอง พวกเราส่วนมากต่างก็ยังอยู่ในอำนาจของความหวาดระแวง ความริษยา และความขี้สงสัย ความกลัว ความต้องการและทิฐิมานะ ด้วยเหตุนี้เราจะพบว่าในบางครั้งเราจะเปลี่ยนใจ ของเราเองอย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องมีเรื่องขัดใจหรือเกิดความสะเทือนใจอันรุนแรงใด ๆ แต่ถ้ามีใครมาบอกเราว่า เราผิด เราจะรู้สึกโกรธเคืองในคำบอกเล่านั้น และใจของเราจะเกิดอาการกระด้างกระเดื่องขึ้นมา เราต่างเป็นคนที่ไม่สู้จะเอาใจใส่เสียเลยว่า ความเชื่อถือของเรา อยู่ในลักษณะอย่างไรบ้าง แต่ถ้าหากมีใครมาข่มเหงน้ำใจเรา เราจะเกิดความเชื่อในสิ่งที่เราเชื่ออยู่แล้วอย่างแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เราไม่ได้หวงแหนความคิดเห็นของเราเท่าใหร่นักดอก แต่เราหวงแทนความนับถือตนเอง โดยจะไม่ยอมให้ถูกข่มขู่ต่างหาก ความสุขภาพอ่อนโยนและไมตรีจิต จะต้องมีอำนาจมากกว่าความฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด และการใช้กำลังบังคับเสมอ เป็นความจริงที่ว่าถ้าบุคคลใดมีจิตใจปวดร้าว อยู่ด้วยความครุ่นแค้น และโกรธเคืองเรา เราจะไม่สามารถจูงใจให้เค้าคล้อยตามความคิดเห็นของเราได้ แม้จะใช้หลักตรรกศาสตร์ที่มีอยู่ทั้งหมดในโลก บิดามารดา ที่ชอบดุด่า นาย หรือสามีที่ชอบใช้อำนาจ หรือภรรยาที่ชอบจู้จี้ ควรจะทราบว่า จากการปฏิบัติดังกล่าวนี้ จะไม่อาจทำให้อีกฝ่ายหนึ่ง เกิดความต้องการที่จะเปลี่ยนใจ แต่ตรงกันข้าม ถ้าเรามีวิธีการที่สุภาพอ่อนโยน เป็นกันเอง ยิ่งอ่อนโยนและยิ่งเป็นกันเองมากเท่าใดก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น

มนุษย์เราโดยปกติไม่ชอบให้ใครสอนและไม่ชอบให้ใครมาบอกว่าตนทำอะไรผิด เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดในการสอนมนุษย์ก็คือสอนโดยไม่ให้เค้ารู้ว่าเราสอน และการสอนที่ดีที่สุดนั้นก็คือการทำตัวอย่างให้ดู

บุคคลผู้มีความยุติธรรมแก่ตนเอง ย่อมประสบทางแห่งความสงบใจโดยง่ายเพราะบุคคลประเภทนี้เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นแก่ชีวิต ย่อมหันมาพิจารณาตัวเองก่อนเสมอ แทนที่จะลงโทษใครต่อใคร พยายามวินิจฉัยตนเองด้วยความยุติธรรมแล้วจะมองเห็นความจริงตามความเป็นจริง ไม่หลอกลวงผู้อื่นไม่หลอกลวงตนเองเมื่อเป็นดั่งนี้ จิตใจย่อมสงบอยู่เสมอ ไม่มีอะไรมาทำให้บุคคลประเภทนี้เดือดร้อนอยู่นานได้เลย

คนเราทุกคนเกิดมาเป็นหนี้สังคม ของกินของใช้ เครื่องอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ซึ่งเราได้รับตั้งแต่แรกเกิดมานั้น ทั้งหมดเป็นของสังคม เราสะดวกสบายอยู่ในท่ามกลางการเสียสละของคนส่วนรวม เพราะฉะนั้นเราต้องทำประโยชน์แก่สังคมเพื่อเป็นเครื่องตอบแทนสังคมบ้าง อย่าคิดแต่เรื่องสะดวกสบายส่วนตัวอย่างเดียว

ความกลมเกลียวสามัคคี เป็นความผาสุขเป็นความร่มเย็นอย่างยิ่ง บ้านใดมีความสามัคคี แม้จะลำบากยากจน แต่ก็ยังหาความผาสุขได้มากกว่าบ้านที่มั่งคั่ง ร่ำรวยแต่แตกแยก แตกความสามัคคีกัน มองกันอย่างไม่สนิท คอยระแวงซึ่งกันและกัน ความสามัคคีเป็นคุณธรรมที่ประเสริฐ สำหรับหมู่คณะ หมู่คณะที่มีความกลมเกลียว เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันนั้น จะทำลายอุปสรรคกีดขวางความก้าวหน้าได้อย่างดี และสามารถบุกบั่น ไปสู่ความสำเร็จได้โดยง่าย พระพุทธองค์จึงทรงตรัสว่า ความกลมเกลียวสามัคคี ของหมู่คณะเป็นเครื่องรองรับความสำเร็จ และนำความสุขความเจริญมาให้

มนุษย์ส่วนใหญ่อยู่ด้วยความหวัง หวังจะได้อย่างนั้น จะเป็นอย่างนี้ คนที่เป็นโรคแม้หมอจะบอกว่า โรคนี้ไม่มีโอกาสหายในชีวิตนี้ แต่คนที่เป็นโรคก็ยังหวัง หวังว่าจะหายสักวันหนึ่งแต่โรคที่รบกวนอยู่ทุกวันคือโรคของกิเลส จะมีใครที่ใดบ้างไหม๊ หวังว่าตนจะหายจากโรคนี้ มันมีผลร้ายแรงยิ่งกว่าโรคสามัญมากนัก แต่คนส่วนมากดูเหมือนจะทอดอาลัยตายอยาก ในการที่จะดิ้นรนเพื่อหลุดพ้นจากวงล้อมของกิเลสนั้น เมื่อเราจะทำอะไรสักอย่างหนึ่ง ก็จะมีอำนาจอยู่ สองอย่างในตัวเราต่อสู้กันก่อน คืออำนาจฝ่ายต่ำและอำนาจฝ่ายสูง หรือทางจิตวิทยาเรียกว่า ตัวนอกและตัวใน ทั้งสองนี้มักจะมีความเห็นขัดกันอยู่เสมอ ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าควรทำ อีกฝ่ายหนึ่งจะเห็นว่าไม่ควรทำ โดยเฉพาะเรื่องสำคัญด้วยแล้ว ทั้งสองฝ่ายจะขัดแย้งกันอย่างมาก ก่อนที่บุคคลผู้นั้นจะตกลงใจทำอย่างใดอย่างหนึ่งลงไป ถ้ายอมแพ้แก่อำนาจฝ่ายต่ำก็จะทำอะไรลงไปตามอำนาจของกิเลสตัญหา ถ้าเอาชนะฝ่ายต่ำได้ ยอมตนให้อยู่ในความคุ้มครองของอำนาจฝ่ายสูง ก็จะทำด้วยจิตใจที่สูงในขณะที่รู้จักผิดชอบชั่วดี การทำอะไรด้วยอำนาจฝ่ายต่ำชักนำนั้น มักจะมีความเพลิดเพลินในเบื้องต้น แต่จะให้ความเสียใจในภายหลังเพราะอำนาจฝ่ายต่ำมักจะเกิดขึ้นในขณะที่มีอารมณ์ยั่วยวน ส่วนอำนาจฝ่ายสูงเกิดขึ้นเพราะเหตุผล อารมณ์ที่ยั่วยวน ทำให้คนดื่มด่ำในอารมณ์นั้น จึงให้ความเพลิดเพลินในเบื้องต้น อบายมุกและของเสพติดที่ให้โทษทุกอย่าง มีความยั่วยวนและมีรสเมาอยู่ในตัวทั้งสิ้น อารมณ์ของคนเราเป็นสิ่งสำคัญมาก คนจะเป็นคนดีหรือจะเป็นคนร้ายก็อยู่ที่เอาชนะ อารมณ์ตัวที่ขัดกับเหตุผลได้หรือไม่

ไฟที่เกิดจากไม้ไม่ว่าชนิดใด ย่อมมีเปลวแสงและสีเหมือนกันฉันท์ใด บุคคลผู้ฉลาดมีความเพียรพยายาม รู้จักกีดกันบาบด้วยหิริ แม้จะเกิดในตระกูลต่ำก็อาจเป็นบุรุษอาชานัยได้ ชีวิตไม่มีใครลิขิตได้ พระพรหมก็ลิขิตไม่ได้ ตัวบุคคลนั่นเองเป็นผู้ลิขิตชีวิตของตนเอง คนทุกคนมีทางให้เลือกเดินคนละหลาย ๆ ทาง แล้วแต่จะเลือกเอา เพราะฉะนั้น ชีวิตจะดีหรือเลวก็แล้วแต่การกระทำของบุคคลผู้เป็นเจ้าของชีวิตนั้น มนุษย์ ไม่เคยได้ความสุข ความเบิกบานอะไรมาเปล่า ๆ โดยมิต้องลงทุนเสียก่อน ความสุขที่มนุษย์เราส่วนใหญ่ได้รับ มักจะต้องเอาความทุกข์เข้าแลกก่อนเสมอ บางทีก็ได้คุ้ม บางทีก็ไม่คุ้มกับความทุกข์ที่ต้องลงทุนไป ท่านรู้สึกด้วยปัญญาว่า ชีวิตนี้ไม่มีอะไร นอกจากความว่างเปล่าและความทุกข์ทรมานที่มนุษย์ และสัตว์ทั้งหลาย ผู้เกิดมาแล้วจำต้องทนแบกไป เหมือนแบกศิลาก้อนใหญ่ไปบนเส้นทางชีวิต ยิ่งไปไกลมากเท่าใด ก็ยิ่งหนักและเหน็ดเหนื่อยมากเท่านั้น

มิใช่เพราะความดีดอกหรือ ที่ทำให้ท่าน ต้องระลึกถึงใครคนหนึ่ง อยู่มิเว้นว่าง มิใช่เพราะสายสัมพันธ์ทางใจอันค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นทีละน้อย แล้วกระชับเกลียวของมันอย่างแน่นหนาดอกหรือ ที่ทำให้ท่านต้องตกอยู่ในภาวะจำยอม ยอมแบกภาระ อันทั้งหนักและเหน็ดเหนื่อย ทั้งไม่รู้เบื้องปลายว่า จะสิ้นสุดลงเมื่อใด มิใช่เพราะความดีของเค้าดอกหรือ ที่ทำให้ท่านเคยยิ้มทั้งน้ำตา เคยระหกระเหินจากที่หนึ่งสู่ที่หนึ่งเพียงเพื่อได้เห็นเค้า ได้ฟังเสียงเค้า ให้เค้าได้ปลอบประโลมใจ เมื่อท่านเศร้า ให้เค้าได้พลอยชื่นชมเมื่อท่านสุข

มารดาได้เคยหลั่งน้ำตาที่ระคนด้วยปิติสุข เพราะความดีของลูก บิดาเคยทิ้งขวดสุรา และกิริยาเสเพล พอระลึกถึงคุณความดีของลูก แล้วยิ้มให้กับโลกอย่างอ่อนหวาน บุตรธิดา ได้เคยมีดอกไม้ธูปเทียน ในมือ พลางคุกเข่าลง
เบื้องบูรภาคแห่งฉายาลักษณ์ของท่านผู้บังเกิดเกล้า แล้วน้อมรำลึกถึงพระคุณอันประเสริฐยิ่ง มิตรที่ดีได้เคยพลีชีพของตนเพื่ออุทิศแก่กัลยาณมิตร ผู้ตกอยู่ในห้วงอันตราย เพราะระลึกถึงอุปการะ ที่สหายเคยทำให้ ชายหนุ่มผู้มีเกียรติยิ่ง อุดมด้วยคุณลักษณะแห่งบุรุษผู้เกรียงไกร ไม่เคยหวั่นเกรงแม้อาชญาแห่งสวรรค์ ได้เคยคุกเข่าลงเบื้องหน้าของสุภาพสตรี ผู้อุดมด้วย นานาคุณลักษณะ เปี่ยมไปด้วยคุณค่าแห่งความดี อันชวนให้บุรุษยินยอมมอบหัวใจให้ ฝ่ายสตรีเล่า แม้เคยผยองในศักดิ์หญิง ประพฤติตนเยี่ยงมาลีในสวนหลวง อันเป็นที่หวงห้าม ยากที่ใครจะเอื้อมถึง แต่เมื่อกระทบกับความดีของบุรุษเข้า ความผยองนั้นก็พลันมลาย กลายเป็นความอ่อนน้อม ยอมให้เค้าเป็นเจ้าของ ทั้งร่างกายและดวงใจ .... ความดีช่างมีพลานุภาพอะไรเช่นนั้น มันมีความหอมหวานนุ่มนวล ชวนให้ระลึกถึงอยู่ชั่วนิรันดร์กาล อะไรเล่า จะเป็นเครื่องเชื่อมโยงดวงใจสองดวง ให้มีความผูกพันมั่นคงไม่รู้จักสูญสลาย ยิ่งไปกว่า ค่าของคุณงามความดี แม้ความตายมาพรากร่างกายไป แต่คุณงามความดีที่ฝังใจอยู่ มิอาจจะถูกพรากไปด้วยได้ ดอกไม้มีสันฐานดี สีงามแต่ไร้กลิ่น จะมีคนชื่นชมไปนานสักเท่าใด ชีวิตที่ไร้คุณงามความดีเป็นเครื่องประดับ ก็เป็นเช่นดอกไม้นั้น อะไรเล่าจะเป็นที่ตั้งแห่งความบันเทิงสุข เมื่อระลึกถึงเสมอด้วยคุณงามความดี มันก่อให้เกิดความปราโมทย์ เป็นเครื่องโสรสสรง ดวงจิตให้ผ่องใส ประหนึ่งสายวารีไหลผ่าน ซอกศิลา พาเอาความชุ่มเย็นติดมาให้กับผู้ที่ลงอาบชุ่มฉ่ำก็ปานกัน น้ำท่วมไม่ได้ไฟไหม้ไม่มอด โจรนำไปไม่ได้ก็คือคุณงามความดีนี่เอง หอมไปทั้งตามลมและทวนลม ยั่งยืนยิ่งกว่า สวยงามยิ่งกว่า สถาปัตย์กรรมใด ๆ ในโลกนี้

คนทั้งหลายทั่ว ๆ ไปคิดถึงแต่ร่างกายชีวิต หวงแหนแต่ร่างกาย และชีวิตให้ปลอดภัยจากโรค จากการกระทำร้ายของศัตรูภายนอก แต่ศัตรูภายในคือกิเลศ ซึ่งห้ำหั่นย่ำยีตนมาเป็นเวลาอันยืดยาวนั้น มิค่อยได้คำนึงถึงในทะเลชีวิตนี้ มนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ทนลำบากมาชาติแล้วชาติเล่า ภพแล้วภพเล่า มาไม่รู้จักเท่าใด การที่จะยอมลำบาก เสียสักครั้งเดียวและไม่ต้องเกิดมาลำบากอีกในชาติต่อ ๆ ไปนั้น เป็นสิ่งที่คนคิดกันน้อยและค่อนข้างกลัว ตราบใดที่กิเลสยังอยู่กับตน ก็ยังเกิดอยู่ร่ำไป และการเกิดบ่อย ๆ นั้นเป็นความทุกข์บางครั้งบางชาติ อาจจะเผลอพลั้งตกลงไปในอบาย ย่อมได้รับทุกข์ทรมานแสนสาหัส คนที่ไม่ยอมทนทุกข์เล็ก ๆ น้อย ๆ จะต้องได้รับทุกข์ใหญ่คอยอยู่เบื้องหน้าแต่มนุษย์ส่วนใหญ่ ก็ยังยอมที่จะนำตนเข้าไปพัวพันผูกมัด กับพันธกรณีต่าง ๆ เหล่านั้น สิ่งที่ได้รับความตอบแทนมากก็คือ ความเหน็ดเหนื่อยกระหืดกระหอบ ความบอบช้ำทั้งร่างกายและวิญญาณ

มนุษย์ส่วนใหญ่ยอมให้ตัญหามีอำนาจเหนือตน ยอมเป็นทาสกิเลศ อย่างไม่หลีกเลี่ยง ไม่มีข้อทักท้วง ท่านสาธุชนทั้งหลาย..... ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราได้รับจากตัญหา ก็เป็นเพียงรางวัลอันเล็กน้อย ที่นายผู้เหี้ยมโหดทารุณ เป็นผู้หยิบยื่นให้ เพื่อเป็นเหยื่อล่อเราไว้ใช้อีกต่อไป นายคือกิเลส จึงเป็นนายที่ทารุณ กว่าผู้ทารุณใด ๆ เพราะมันทำให้เราต้องระหกระเหิน บอบช้ำและทุกช์ทรมาน อยู่วันแล้ววันเล่า ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยไม่มีทางหยุดหย่อนผ่อนพัก... ขอท่านทั้งหลายจงทำความเพียรให้ถึงในสิ่งที่ควรได้ควรถึง เพื่อให้ได้บรรลุในสิ่งที่ควรบรรลุ เพื่อการกระทำให้แจ้ง จนสามารถเอาชนะตัญหา อุปปาทาน อันเป็นที่ดับสนิทแห่งกิเลสและกองทุกข์ในปัจจุบัน โดยทั่วกันเถิด.....